"ตำรวจบุกจับองค์กรธุรกิจที่ใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ครั้งใหญ่ที่สุด"
ล่าสุด มีสองบริษัทใหญ่ในอุตสาหกรรมการพิมพ์และบรรจุภัณฑ์ที่ใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ของอะโดบี (Adobe) และ ออโต้เดสก์® (Autodesk®) ทั้งสองบริษัทมีผู้ถือหุ้นเป็นคนไทยและตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ โดยหนึ่งในบริษัทดังกล่าวถูกตรวจพบการใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ในคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล 16 เครื่อง ส่วนอีกบริษัทถูกตรวจพบซอฟต์แวร์ผิดกฎหมายในคอมพิวเตอร์ 11 เครื่อง
ทั้งสองบริษัทมีลักษณะเหมือนกับบริษัทส่วนใหญ่ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจจับ คือดำเนินธุรกิจขนาดใหญ่ที่ต้องพึ่งพาการใช้งานซอฟต์แวร์ หนึ่งในบริษัทดังกล่าวมีผลประกอบการประจำปีอยู่ที่ราว 50 ล้านบาท ขณะที่อีกบริษัทหนึ่งมีผลประกอบการเกินกว่า 100 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีการตรวจจับองค์กรธุรกิจอีกหลายแห่งที่ใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งมีผู้ถือหุ้นเป็นชาวเกาหลี ไต้หวัน ญี่ปุ่นและสิงคโปร์ โดยเจ้าหน้าที่พบว่าองค์กรธุรกิจเหล่านั้นใช้ซอฟต์แวร์ละเมิดลิขสิทธิ์ที่คิดค้นโดยนักพัฒนาซอฟต์แวร์ไทยและต่างประเทศ
ดูข่าวเพิ่มเติมที่ http://news.thaiware.com/3310.html
จากการวิเคราะห์
จากข่าวนี้จะสรุปได้ว่า เป็นการละเมิดลิขสิทธิ์ของซอฟต์แวร์โปรแกรมต่างๆ แล้วนำมาใช้ในการค้า หากำไรและผลประโยชน์ต่างๆ ซึ่งผิดต่อจริยธรรมทางคอมพิวเตอร์ที่รู้จักกันในตัวย่อ PAPA ในเรื่องของความถูกต้อง ซึ่งตัวผมเองก็ยอมรับว่าใช้โปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ไม่ใช่ของแท้เช่นกัน 5555 แต่ใช้ในเรื่องของการศึกษาไม่ได้หาผลประโยชน์ทางการค้าแต่อย่างใด แต่ว่าจะไปเตือนเพื่อนๆอีกหลายๆคนอยู่ครับ เป็นห่วงเพื่อนๆช่างภาพ เผื่อซวยขึ้นมา 555555
ในกรณีของข่าวนี้ ถ้าผมเป็นหุ้นส่วนของบริษัทที่รับรายได้จากการนำซอฟต์แวร์ของเขามาใช้ปีละ 50-100 ล้านบาท ก็น่าจะอุดหนุนของแท้ ซื้อของมีลิขสิทธิ์หน่อยนะครับ ถือว่าช่วยๆเขามั่ง เอาของเขามาใช้หาเงินแล้วยังจะงกอีก โดนจับ โดนฟ้องร้องขึ้นมาได้ไม่คุ้มเสียเลย เพราะอาจส่งผลกระทบต่อตัวคุณเอง บริษัทที่ทำงาน ภาพลักษณ์ของประเทศ ทำเศรษฐกิจต่างๆเสียหาย การละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาแบบนี้ นอกจากจะทำให้ผู้ที่เป็นเจ้าของซอฟต์แวร์เสียหายในทางธุรกิจแบบตรงๆแล้ว เพราะไม่ได้เงินจากการซื้อของถูกลิขสิทธิ์ สมัยนี้ยังสามารถเอาไฟล์ไปปล่อยให้ดาวน์โหลดกันผ่าน Internet แบบง่ายๆได้อีกด้วย กลายเป็นว่าแจกฟรีกันทีเดียว ซึ่ง Serial-Number หรือ Crack ก็หาได้ตาม Internet อีก เรียกได้ว่าเสียหายอีกหลายต่อ
ถ้าเปรียบเทียบกับการศึกษาแล้ว มันก็เหมือนการที่เรานำข้อมูลของใครมา หรือใครนำข้อมูลของเราไปใช้เพื่อผลประโยชน์ส่วนตน แต่ไม่ได้อ้างอิงถึงที่มา ก็นับเป็นความผิด แถมยังก่อให้เกิดความไม่พอใจถ้าเจ้าของเขารู้ เช่น การนำไปใช้ในการทำวิทยานิพนธ์เพื่อเรียนจบ ถ้าเขารู้ว่าเอาข้อมูลมาแถมไม่อ้างอิง แล้วโดนฟ้องร้องก็มีสิทธิ์ไม่จบทีเดียวนะครับ
สุดท้ายจะทำอะไรก็ระวังไว้นะครับ คิดถึงผลที่ตามมา เป็นไปได้ อุดหนุนของถูกลิขสิทธิ์ดีกว่าครับ คิดซะว่าซื้อเพลงของศิลปินที่ชอบ 5555
